7 ข้อพลาดที่ไม่ควรทำเกี่ยวกับการหาวงดนตรีงานแต่งงาน
21 April 2017 เปิดอ่าน 5106 ครั้ง
หาวงดนตรีหรือหาดีเจที่ยอดเยี่ยม จะช่วยเนรมิตงานให้ออกมาแตกต่าง น่าจดจำ และประทับใจ แต่ห้ามทำตาม 7 ข้อต่อไปนี้เด็ดขาด
1.คิดว่าดนตรีไม่สำคัญ.. จะแบบไหนก็เหมือนกันหมด จึงไม่หาข้อมูล
หลายคู่มักมองข้ามการ"หาวงดนตรีงานแต่งงาน"ไป เพราะคิดว่ามันไม่สำคัญ ประกอบกับไม่กล้าจ้างวงดนตรีงานแต่งเพราะกลัวว่าจะราคาสูง จึงหันไปพึ่งนักร้องคาราโอเกะหรือการเปิดเพลงมากกว่า จริงอยู่ที่ตามสถานที่จัดงาน มักมีวงดนตรีไว้เป็นตัวเลือกให้เรา อย่าเห็นว่าจองพร้อมกันแล้วได้ราคาที่ถูกลง เราอาจเจอกับเพลงและนักร้องที่ไม่เหมาะกับงาน ถ้าหาข้อมูลอีกนิด เราสามารถ"หาวงดนตรีงานแต่งงาน" และเลือกรูปแบบวงที่เหมาะสมกับงบประมาณ ได้ทั้งงานคุณภาพในราคาเหมาะสม
Do : ขอข้อมูล อ่านรีวิว ดูวีดีโอผลงานการแสดงสด แล้วเทียบราคาเลือกวงดนตรีและแนวดนตรีที่ชอบได้เลย
2.เริ่มต้นงานด้วย..ความเงียบ
แขกส่วนใหญ่จะมาถึงก่อนงานเริ่ม 20-30 นาที แต่การรอคอยดูเหมือนจะนานขึ้นเหมือนเขาต้องรออย่างเงียบๆ
Do : ให้ดนตรีบรรเลงก่อนและระหว่างพิธี จะเป็นการให้สัญญาณว่าใกล้เวลางานเริ่มแล้ว และสามารถรันคิวงานได้อย่างเป็นระบบ เลือกวงดนตรีที่มีประสบการณ์ด้านงานแต่ง คุม Mood & Tone ของงานได้ งานออกมาประทับใจ
3.ละเลยการลิสต์รายการเพลง
ถ้าเลือกวงไม่มีประสบการณ์การมา(เพราะไม่ได้หาข้อมูลจากข้อ 1) แล้วปล่อยให้วงเลือกเพลงเอง เพราะถือว่าให้แขกฟังเพลินๆ แต่เพลงที่วงเลือกมา ความหมายของเพลงนั้นไม่ได้ให้อารมณ์ซึ้งๆ เลย แขกก็จะไม่อินกับงาน และกลับคิดว่ามางานเลี้ยงทั่วไปมากกว่า จึงทำให้เห็นข้อดีของการเลือกวงดนตรีที่มีประสบการณ์ด้านงานแต่งงาน นักดนตรีจะรู้ว่าเพลงไหนควรเล่น และเพลงไหนไม่ควรเล่น
Do : ชอบเพลงไหนแจ้งกับนักดนตรีไปได้เลยว่าอยากให้เล่นเพลงนี้ เลือกนักดนตรีที่ทันสมัย อัพเดทเพลงใหม่ๆ เรื่อยๆ
4.ละเลยการเช็คซาวน์
ก่อนเล่นดนตรีทุกครั้ง ต้องมีการเช็คซาวน์ เช็คระบบเสียง ไมค์ไม่หอน ลำโพงไม่แตก ไม่งั้นแขกในงานเตรียมอุดหูได้เลย
Do : บ่าวสาวควรประสานงานระหว่างสถานที่จัดและนักดนตรี จะช่วยให้นักดนตรีทำงานได้ง่ายขึ้น
5.กลัวแขกไม่สนใจฟังเพลง จึงเพิ่มระดับความดังของดนตรีไปอี๊ก(อย่าเด็ดขาด)
บ่าวสาวที่คิดว่า"หาวงดนตรีงานแต่งงาน"มาแล้วต้องเอาให้คุ้ม จึงจัดเต็มกับความดังทั้งไมค์ ทั้งเสียงดนตรี อย่าได้ทำเด็ดขาด เพราะงานแต่งงานคือวันรวมญาติ รวมเพื่อนฝูง ให้พวกเขาได้ฟังเพลงสบายๆ และได้คุยการอย่างออกรส เราคงไม่อยากให้แขกทุกคนตื่นมาเจ็บคอ เพราะตะโกนคุยกันในงานแต่งเราหรอก
Do : เลือกเพลงช้าๆ ซึ้งๆ หรือจังหวะสนุกที่ฟังแล้วสบาย ปล่อยให้ทีมงานจัดการระดับเสียงให้เหมาะสม ช่วง After Party เริ่มเมื่อไร ค่อยเริ่มใช้เพลงดังๆ ให้โดดกันมันๆ ดีกว่า
6.เลือกเพลงเปิดฟลอร์ หรือเปิดตัวที่นานเกินไป
สำหรับบางงานอาจมีการเต้นรำ โดยบ่าวสาวจะประเดิมเต้นเป็นคู่แรก หรือการเปิดตัวอย่างอลังการ อยากให้ทุกคนจับจ้องมาที่บ่าวสาว แต่ถ้าเลือกเพลงนานเกินไป จะกลายเป็นน่าเบื่อได้ ดังนั้นเพลงที่ใช้จึงไม่ควรยาวยืดจนแขกรอจนเบื่อ แน่นอนว่ามันคืองานแต่งของเรา แต่อย่าลืมให้ความสำคัญกับแขกที่มาร่วมงานด้วย
Do : ถ้าเพลงที่เลือกยาวเกินไปจริงๆ แจ้งวงดนตรีให้ลดความยาวเพลงได้เพราะวงดนตรีสดสามารถคุมดนตรีได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว
7.ใช้เพลงที่แขกไม่รู้จักและไม่อิน
ยกตัวอย่างเช่น บ่าวสาวคู่นึกชอบศิลปินวงร็อค หรือแร็ปเปอร์คนหนึ่งมาก แต่ถ้าให้นักดนตรีเล่นแต่เพลงของวงนี้หรือนักร้องคนนี้ตลอดงาน แขกในงานจะทยอยหนีกลับเสียมากกว่า
Do : เลือกเพลงกลางๆ ที่ฟังได้ทุกเพศทุกวัย อาจใช้เพลงสากลที่ชอบเป็นบางเพลง สลับกับใช้เพลงไทยที่กำลังได้รับความนิยม
ที่มา theknot.com