เมื่อวงการดนตรีก้าวสู่ ‘เวที’ ใหม่ ในยุคของ Metaverse
08 December 2021 เปิดอ่าน 2005 ครั้ง
ในอนาคตอันใกล้นี้อินเทอร์เน็ตที่เราคุ้นเคยกำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าไป จากสิ่งที่เราเคยเห็นได้แค่บนหน้าจอ จะสามารถมาปรากฎอยู่รอบตัวเราได้ และพื้นที่ออนไลน์ จะไม่ใช่แค่การคลิก แต่เป็นสิ่งที่เราสามารถเข้าไปสัมผัส และเป็นส่วนหนึ่งกับมันได้
Metaverse คือแนวคิดของโลกเสมือนจริง ที่จะผสมผสานเทคโนโลยี VR (ความจริงเสมือน) และ AR (ความจริงเสริมแต่ง) ให้เราจะสามารถปฏิสัมพันธ์ และทำกิจกรรมต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นการสังสรรค์กับเพื่อนในพื้นที่เสมือน ที่คุณสามารถดูหนัง ฟังเพลง เต้น และทำกิจกรรมต่าง ๆ ร่วมกันได้เหมือนอยู่ในห้องเดียวกันจริง ๆ การประชุมงานทางไกลผ่าน VR ที่เหมือนกับการไปนั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกัน ไปจนถึงการทำกิจกรรมอย่างการเล่นเกม หรือกีฬารูปแบบใหม่ ๆ ที่จะสามารถทำได้ในพื้นที่เสมือนของโลกออนไลน์
ต่อไปเราจะสามารถเข้าร่วมงานเทศกาลดนตรีที่จัดขึ้นในต่างประเทศได้ โดยไม่ต้องก้าวเท้าออกจากบ้าน และได้รับประสบการณ์ไม่ต่างจากการอยู่ตรงนั้นจริง ๆ ด้วยการสวมแว่น VR และสัมผัสบรรยากาศของคอนเสิร์ตที่กำลังเกิดขึ้น พูดคุยกับคนอื่นที่มาร่วมงาน เต้น และตะโกนโห่ร้องไปตามเสียงเพลง
ประสบการณ์ทางดนตรีที่เปลี่ยนไป คือสิ่งแรก ๆ ที่ถูกพูดถึงเมื่อ Facebook ประกาศรีแบรนด์ตัวเองเป็น Meta บริษัทผู้พัฒนาด้านเทคโนโลยีโลกเสมือน Metaverse อย่างเต็มตัว
ในงาน Connect 2021 ที่จัดขึ้นโดย Facebook บริษัทโซเชียลมีเดียที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Oculus บริษัทผู้ผลิตแว่น VR รายใหญ่ของโลก มาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ Facebook ได้บรรยายไว้ถึงประสบการณ์ทางดนตรีที่จะเกิดขึ้นได้บน Metaverse
ขณะที่คอนเสิร์ตกำลังดำเนินไปอย่างสนุกสนานโดยมีผู้ชมคับคั่ง ผู้ที่ไม่ได้ไปยังคอนเสิร์ตก็ยังสามารถซื้อบัตรเข้าร่วมงานในรูปแบบ VR เพื่อไปยังคอนเสิร์ตนั้นด้วย Avatar ของตัวเอง และสนุกไปกับดนตรีพร้อมกับคนอื่น ๆ ที่อยู่ในคอนเสิร์ตนั้นได้ไม่ต่างจากการไปด้วยตัวเอง นอกจากนี้การใช้พื้นที่เสมือนยังช่วยให้นักดนตรียังสามารถใกล้ชิดกับแฟนคลับได้มากขึ้น ด้วยการจัด Fan Party ในห้องส่วนตัวบน Metaverse ที่ช่วยทำให้การพบปะแฟนเพลงกลายเป็นเรื่องง่าย และใกล้ชิดกันได้มากยิ่งขึ้น
แนวคิดของการรับชมคอนเสิร์ตผ่านช่องทางออนไลน์ อาจดูเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะให้ความรู้สึกได้เหมือนกับการไปอยู่ในสถานที่จริง ที่เราได้รับฟัง ขยับร่างกาย และสัมผัสบรรยากาศของผู้คน แต่นั่นก็เพราะเทคโนโลยีในปัจจุบันยังไม่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์คอนเสิร์ตจากหน้างาน มาถึงคุณได้ดีเดียวพอ จากภาพบนจอเพียงอย่างเดียว
แต่เมื่อเทคโนโลยีอย่าง Metaverse มีความพร้อมมากขึ้น รวมไปถึงเทคโนโลยี VR/AR เราอาจสามารถรับประสบการณ์ของการอยู่ในคอนเสิร์ตที่สนุกที่สุดได้จากห้องนั่งเล่นของตัวเองก็ได้ แม้ในวันนี้เทคโนโลยี VR อาจยังไม่พร้อมที่จะพาเราไปอยู่ในคอนเสิร์ตด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง แต่ก็มีผู้ที่จัดคอนเสิร์ตบนโลกออนไลน์โดยสมบูรณ์ และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งมาแล้ว
Fortnite เกมออนไลน์แนว Battle Royale ซึ่งเป็นเกมที่ได้รับความนิยมที่สุดเกมหนึ่งของโลกได้จัดคอนเสิร์ตของศิลปิน Travis Scott โดยใช้พื้นที่ในเกมเป็นพื้นที่จัดงาน และผู้ฟังสามารถเข้าร่วมได้ด้วยตัวละครในเกมของพวกเขา
มีกระแสชื่นชมมากมายเกี่ยวกับการจัดคอนเสิร์ตออนไลน์ในครั้งนี้ ผู้เล่นสนุกไปกับคอนเสิร์ตด้วยประสบการณ์อันแปลกใหม่ที่สร้างขึ้นได้เฉพาะแค่จากในพื้นที่ออนไลน์เท่านั้น เช่นการทำให้ Travis Scott ตัวใหญ่ค้ำฟ้า จนผู้เล่นที่อยู่ไกลไปจากหน้าเวทีก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน การเล่นสีสัน การเปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปตามเพลงที่กำลังเล่น และผู้เล่นยังสามารถใช้ตัวละครของพวกเขาเดิน เต้น แสดงท่าทางต่าง ๆ ไประหว่างการฟังคอนเสิร์ตนี้ได้
การจัดคอนเสิร์ตของ Travis Scott ในครั้งนั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับนิยามของ Metaverse ที่สุดสิ่งหนึ่ง ด้วยการใช้พื้นที่เสมือนที่ผู้คนสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น และสภาพแวดล้อมด้วยตัวละคร (Avatar) ในประสบการณ์เสมือนจริง
แน่นอนว่าอนาคตของวงการดนตรี ไม่ได้มีแค่เรื่องของการจัดคอนเสิร์ตเสมือนจริงเท่านั้น แต่ในโลกของ Metaverse อุตสาหกรรมดนตรีก็จะสามารถเติบโตไปได้ดียิ่งขึ้น
การขายลิขสิทธิ์เพลงเพื่อใช้งาน ในพื้นที่เสมือน ร้านค้าออนไลน์ หรือพื้นที่ดิจิทัลอื่น ๆ บน Metaverse อาจไม่ใช่แค่การเปิดไฟล์เพลงธรรมดาที่ถูกคัดลอกมาอีกต่อไป แต่ศิลปิน และค่ายเพลงสามารถขายผลงานดนตรีในรูปแบบ NFT (Non Fungible Token) ที่เป็นการแปลงไฟล์ดิจิทัลให้จัดเก็บอยู่ในบล็อกเชน ที่จะทำให้ไฟล์ของเพลงไม่ใช่แค่ Mp3 ที่สามารถคัดลอกและแจกจ่ายกันได้ และทำให้ไฟล์เพลงดิจิทัลนั้นมีลักษณะเฉพาะตัว สามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของจริง ของแท้หรือไม่ และทำให้ไฟล์เพลงนั้นสามารถมีมูลค่าในฐานะของสะสม ได้เหมือนกับการซื้อเทปคาสเซ็ท หรือแผ่นเสียง
ไม่ได้มีแค่เพลงเท่านั้นที่จะสามารถขายในรูปแบบ NFT แต่ศิลปินก็จะสามารถออกผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ของตัวเองในรูปแบบ NFT เช่นเสื้อผ้าสำหรับ Avatar เหมือนที่เราซื้อเสื้อวงดนตรีใส่ หรือของแต่งบ้านบน Metaverse ที่ทำให้แฟนเพลงสามารถสะสมสินค้าดิจิทัลของศิลปินที่ชอบได้เช่นกัน
ในวันนี้ Metaverse อาจเป็นเพียงอนาคตที่กำลังก่อร่างสร้างตัว แต่วันนี้ธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก ต่างก็กำลังเตรียมความพร้อม ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในเทคโนโลยีใหม่นี้ และอีกไม่นานวันที่เราจะสามารถร่วมคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นในอีกซีกโลก หรือแม้แต่บนพื้นที่ออนไลน์ ได้จากห้องนั่งเล่นด้วยประสบการณ์ที่เหมือนได้อยู่ตรงนั้นจริง ๆ สะสมไฟล์เพลง NFT ที่อาจมีมูลค่ามากขึ้นตามกาลเวลา และซื้อสินค้าดิจิทัลจากศิลปินที่ชอบก็จะมาถึง